สังขละบุรี เมืองดีสามฤดู

เคยมีคนถามผมว่า “หลงใหลอะไรนักหนาสังขละบุรี”
คนถามคงเห็นว่าผมไปสังขละบุรีอยู่เรื่อยๆ บางปีไปถึงสองสามครั้ง บางครั้งเว้นไปสองสามปี ช่วงโควิดเว้นยาวเลย จำไม่แม่นว่าไปมากี่ครั้ง เท่าที่พอจะจำได้ตั้งแต่เริ่มเที่ยวต้องมี 20 ครั้งเป็นอย่างน้อย
ผมตอบเขาไปง่ายๆ ในเบื้องต้นว่า “สังขละสวยดี ชอบ”



จากนั้นก็อธิบายกันยืดยาว เริ่มจากเป็นเมืองน้ำในหุบเขา เป็นเมืองหนาวที่อบอุ่น เป็นเมืองที่หลอมรวมคนหลายชาติพันธุ์ไว้ด้วยกัน เริ่มจากไทย มอญ ปะกาเก่อญอ (กะเหรี่ยง) และพม่า เป็นเมืองที่มากมายประเพณีและวิถีชีวิต เพียงเท่านี้ก็มากพอจะตอบได้ว่า “ทำไมถึงหลงใหลสังขละ ทำไมถึงต้องไปเที่ยว” และที่แปลกคือสังขละบุรีในช่วง 10 ปีแรกผมไม่รู้จักใครเลย ไม่มีเพื่อนอยู่ที่นั่นเลย ไปคนเดียวก็หลายครั้ง ไปสองสามคนก็หลายที ส่วนช่วง 10 ปีหลังเริ่มมีเพื่อนไปปักหลักอยู่ที่นั่นบ้าง ทำที่พักพักบ้าง เปิดร้านกาแฟบ้าง
เชื่อว่านักเดินทางส่วนใหญ่รู้จัก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กันเป็นอย่างดี ดีจนไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดอะไรมากนัก ที่อยากบอกเพิ่มเติม ทำไมผมถึงรักเมืองนี้? ทำไมเมืองนี้ถึงทำให้คนมากมายหลงรัก?
“รักแรก” สังขละบุรีเป็นเมืองน้ำในหุบเขาอันเกิดจากแม่น้ำสามสายคือแม่น้ำรันตี แม่น้ำซองกาเรีย และแม่น้ำบีคลี่ ไหลมารวมกันจนเกิดเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เรียกว่า “สามประสบ”








“รักต่อมา” เมื่อมีคนหลายชาติพันธุ์หลอมรวมอยู่ด้วยกันจึงมีม่านประเพณีให้จับต้องได้ให้สัมผัสได้ โดยเฉพาะคนมอญนั้นมีประเพณีงานบุญตลอดทั้งปี (แทบทุกเดือน) เป็นงานบุญที่เข้มขลังเห็นแล้วรู้สึกถึงพลังในการรวมใจของชุมชน การแต่งกายก็ยอดเยี่ยม เรียบร้อยและสุภาพมากๆ (หากใครไปร่วมงาน ไปวัด ไปใส่บาตรกรุณาแต่งตัวสุภาพด้วยครับ)
“รักที่สาม” สังขละบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทะเลสาบ ภูเขา น้ำตก ที่สำคัญเที่ยวได้ตลอดปีไม่มีเว้นวรรค ทั้งหน้าฝน หน้าหนาว และหน้าแล้ง แต่ละฤดูกาลมีความงามแตกต่างกันไป เที่ยวได้ทั้ง 12 เดือน ไปเมื่อไหร่ได้ใจเมื่อนั้น
แล้วก็รักอะไรอีกหลายอย่าง เมื่อก่อนรักยังไงตอนนี้ยังรักยังงั้น ด้วยตัวเองรักก็เลยอยากให้เพื่อนลองไปรักดูบ้าง ส่วนจะรักจริงหรือรักเล่นนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วแต่ว่าจะเดินไปพบอะไรเจออะไร เจอรักก็ดีไป หากเจอหัวใจก็เก็บไว้ ลองเอาใจแลกใจแล้วจะได้ใจดีๆ ติดตัวกลับมา




ต้องบอกให้คนที่ไม่เคยไปรู้ก่อนว่าสังขละบุรีที่ผมไปสัมผัสครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีก่อนอาจเปลี่ยนไปบ้าง นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เมืองท่องเที่ยวทุกเมืองก็เปลี่ยนไปทั้งนั้น เช่น เมื่อก่อนตอนแรกเริ่มสังขละบุรีมีทริปเดินป่า นั่งช้าง ล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำรันตี เดี๋ยวนี้หายไป จะมีป่าให้เดินก็คือเดินไปเที่ยวน้ำตก เช่น น้ำตกตะเคียนทอง น้ำตกนพพิบูลย์ ตอนนี้ล่องแพไม่มี มีแต่นั่งเรือไปชมโบสถ์จมน้ำซึ่งเป็นโบสถ์วัดวังก์วิเวการามหลังเดิมก่อนที่จะถูกน้ำท่วมอันเกิดจากการสร้างเขื่อนเขาแหลม

เอาเป็นว่าอยากให้ลองไปเยี่ยมเยือนสังขละบุรีในช่วงนี้ ช่วงที่ฝนขาดสาย น้ำในทะเลสาบสามประสบลดลง ไปสัมผัสสายหมอกหนาวปกคลุมขุนเขา หมอกเช้าปกคลุมสะพานไม้ที่ทอดเชื่อมชุมชนมอญ-ไทย ไปดูโบสถ์จมน้ำ ไปดูความงามของเจดีย์พุทธคยาจำลองภายในวัดวังก์วิเวการาม
หากเลยช่วงนี้ไปเข้าสู่หน้าแล้ง โบสถ์เก่าแก่ที่ถูกน้ำท่วมจะเห็นทั้งหลัง งดงามกันไปคนละแบบ ส่วนหน้าฝนที่ผ่านมาสังขละบุรีอยู่ในช่วงอุดมสมบูรณ์ถึงขีดสุด งามหมอกฝน งามป่าชรอุ่มชุ่มชื้น
นี่คือเรื่องราวคร่าวๆ ของสังขละบุรี เมืองดีสามฤดู เมืองงามทางฝั่งตะวันตกของไทย เมืองที่อยู่ในใจคนเดินทางเสมอมา (อย่าลืมอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในคำบรรยายภาพนะครับ)
ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอด ขอให้เพื่อนๆ เดินทางด้วยความปลอดภัย สุขสมหวังกับจุดหมายปลายทาง ขอบใจไทยแลนด์ สวัสดีครับ












หมายเหตุ
– ผู้ที่ต้องการพักแบบอิงแอบแนบชิดธรรมชาติลองมองหาที่พักชื่อ “ชื่นใจเฮ้าส์” และ “บ้านแม่น้ำ”