ด้วยความคิดถึงจึงบินมาหา
ตอนสอง ทะเลหมอกเมืองเบตง จ.ยะลา
(3 คืน 4 วัน ในเมืองนราธิวาส ยะลา ปัตตานี)
ตามหาม่านหมอก
โอบกอดดาวจันทร์
ตามตะวันไปเบตง.




จากยะลาสู่ อ.เบตง เส้นทางจากยะลามาเบตงนั้นเหยียดยาวกว่า 100 กิโลเมตร ถนนคดโค้งหมายเลข 410 พาเราผ่านขุนเขาและผืนป่า กว่าจะถึงเวลาล่วงเลยมาถึง 13.30 น. เป็นอันว่าอาหารที่ซัดกันมาเมื่อเช้าย่อยสลายหมดแล้ว ถึงเวลาต้องหาอะไรอร่อยๆ กินกันอีกครั้ง ร้านที่เลือกคือ “ร้านหวายร้อยลี้&สุวรรณรสคาเฟ่” หวายร้อยลี้เป็นร้านเรียบง่ายไม่มีดีไซน์อะไรมากมาย เน้นอาหารถิ่น รสชาติเข้มข้นแบบกลางๆ ส่วนคาเฟ่ซุกซ่อนอยู่ด้านหลัง “สุวรรณรส” เน้นเครื่องดื่มและเบเกอรี่ บริเวณคาเฟ่มีสวยสวนโอบกอด สถาปัตยกรรมคล้ายบ้านชาวประมงโบราณที่นิยมนำมาเป็นรีสอร์ต สถาปัตยกรรมแบบนี้เป็นที่นิยมในอินโดนีเซียหรือฟิลิปปินส์ ส่วนเมนูน้ำปั่นที่อยากให้ลองคือ “ทุเรียนน้ำ…ปั่น” ทุเรียนน้ำเป็นผลไม้ที่คล้ายน้อยหน่ามากกว่าทุเรียน กลิ่นและรสชาติก็ด้วย เมนูนี้ชาวแก๊งค์ของเราบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดีฮะ”


อ.เบตง จ.ยะลา
สิ้นสุดการอ้อยอิ่งเราทิ้งคาเฟ่ไว้เบื้องหลัง ออกเดินทางไปที่ด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวด้วยการถ่ายภาพกับป้ายใต้สุดสยามเป็นที่ระลึก แต่ไม่ได้แวะไปดิวตี้ฟรีเพราะตั้งใจไปถ่ายภาพเจดีย์สุดสวยภายในวัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวงชั้นตรี ประจำเมืองเบตง

“วัดพุทธาธิวาส” เป็นวัดที่ประดิษฐานองค์เจดีย์แบบศรีวิชัยบนขุนเขา ส่วนศาสนสถานอื่นๆ ลดหลั่นลงมาถึงถนนด้านล่าง ไล่เรียงจากองค์เจดีย์ อุโบสถ วิหาร และพระพุทธรรมกายมงคลปยุรเกศานนท์สุพพิธาน การไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิในวัดพุทธาธิวาสสามารถเดินจากด้านล่างขึ้นไปสู่ด้านบน หรือจากด้านบนลงมาด้านล่างได้โดยสะดวก จุดสูงสุดด้านหน้าองค์เจดีย์มองเห็นทิวทัศน์เมืองเบตงได้กว้างไกล

จากวัดสู่งานสตรีทอาร์ตที่ซุกซ่อนตามถนนสายเล็กกลางเมือง (ใกล้หอนาฬิกา) ปัจจุบันมีสตรีทอาร์ตทั้งงานใหม่และเก่า ตัวงานซ่อนอยู่ตามกำแพงหรือผนังบ้านเรือนในหลายซอกซอย แต่เชื่อมถึงกันหมด เป็นงานศิลปะริมถนนที่มากฝีมือ งดงามน่าสัมผัส น่าบันทึกภาพ บางมุมนึกว่าอยู่เกาหลี เดินถ่ายภาพกันเพลินเลยครับ


ช่วงสุดท้ายของวันมุ่งมั่นมาถ่ายภาพกันที่หอนาฬิกากลางเมือง จุดนี้ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเบตง นอกจากหอนาฬิกายังมี “อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” อุโมงค์รถยนต์ที่สามารถเดินถ่ายภาพได้ รวมถึง “ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย” ใครไปใครมาแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันทั้งนั้น แต่ต้องเตือนกันนิดหนึ่ง “ระวังขี้นกกันหน่อยนะ” เหตุเพราะสายไฟแถบนี้เป็นที่พักพิงของนกนางแอ่นจำนวนหลายร้อนพันตัวครับ


อยากบอกว่านอกจากการเดินเที่ยวเมืองเบตงชมโน่นนี่นั่นอย่างที่เล่าไปนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยและคนมาเลเซียไม่พลาดโดยเด็ดขาดคือไปกินอาหาร “ร้านต้าเหยิน” ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ เน้นอาหารจีน รสดีแบบมีความเป็นมาตรฐาน รสชาติคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อาหารขึ้นชื่อมี ไก่เบตง เคาหยก กบภูเขาทอด ผักน้ำผัดน้ำมันหอย สุดยอดทุกเมนูครับ


หนังบางกรอบ เนื้อแน่น ไร้มัน
ตีห้าฟ้ายังไม่สาง รถตู้คันเดิมออกเดินทางผ่านอากาศเย็นมาบนเส้นทางคดโค้งสายเดิม จากทางหลวงสายหลัก แยกมาตามสทางสายเล็ก ฟ้าเริ่มสว่างตอนที่เรามาถึงจุดจอดรถหรือจุดเปลี่ยนรถ ถึงตรงนี้ต้องเปลี่ยนเป็นรถสองแถวเพราะด้านบนตรงสกายวอร์คนั้นไม่มีที่จอดรถ ก็เลยปรับให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการบริการ มีให้เลือกทั้งรถสองแถวและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

เช้าตรู่ แสงตะวันอยู่หลังม่านหมอก นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อสัมผัสทะเลหมอกในทิวทัศน์กว้างไกลเกือบ 360 องศา ภาพที่เห็นงดงามราวหลับฝันอยู่ในสรวงสวรรค์ ที่น่าแปลกใจคือวันนี้เป็นวันธรรมดาแต่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและมาเลเซียจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ บางกลุ่มอยู่บนหอสูงสกายวอร์ค บางกลุ่มอยู่บนจุดชมวิวจุดเดิม แต่ไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหนทะเลหมอกอัยเยอร์เวงก็งดงามเสมอเหมือน งามไม่ต่างกันแม้แต่น้อย แต่ที่พลาดไม่ได้ต้องออกไปเดินและยืนบนสะพานชั้น 3 สะพานนี้ยื่นออกไปในอากาศ พื้นกระจกใสทำให้เกิดความหวาดหวั่น ใครบางคนถึงกับขาสั่นไม่กล้าเดิน ท้ายทาย สนุกครับ





เราอยู่กันตรงนี้กระทั่งสายจึงยอมจากไปด้วยความอิ่มเอม ทิ้งทะเลหมอกไว้ในความทรงจำ ออกเดินทางมาบนถนนสายคดโค้งสายเดิม มุ่งหน้าสู่เมืองในด้ามขวานอีกเมืองหนึ่งนั่นคือปัตตานี เมืองดีที่มากไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว เดี๋ยวมาเล่าสู่กันฟังในตอนหน้า ขอบคุณและขอบใจที่ติดตามมาโดยตลอด ขอบคุณมากครับ





(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในคำบรรยายภาพ)
#โมเมนต์ที่ใช่สร้างได้ไม่ต้องรอ
หมายเหตุ.
– ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนราธิวาส โทร. 073 542 345-6
ขอบคุณ
– การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
– เพื่อนผู้ร่วมเดินทางทุกคน