โลกนอกหน้าต่าง ลำปางบนทางจำ
(ตอนจบ)
ชามดินตราไก่
โอบไอพุทธศิลป์
หอมดินถิ่นน้ำวัง
ตอนที่แล้วเราจบวันกันที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ส่วนเช้าวันใหม่ตกลงปลงใจไปเยือนวัดเชียงราย ไปชมงานเซรามิกที่ธนบดี ไปนมัสการพระธาตุลำปางหลวง และสุดท้ายปลายวันไปถนนคนเดินกาดกองต้า เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบ ทั้งหมดอยู่ในตัวเมืองยกเว้นพระธาตุลำปางหลวงที่อยู่ในเขต อ.เกาะคา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร

“วัดเชียงราย”
เมื่อสามปีที่แล้วมีโอกาสมารีวิว café เมืองลำปาง หนึ่งในนั้นมีร้านกาแฟหน้าวัด สอบถามคนในร้านว่าวัดอะไร? คนในร้านบอกว่า “วัดเชียงราย” บอกตรงๆ ว่าออกจะงงๆ อยู่นะ นั่งอยู่กลางเมืองลำปางแต่นั่งมองวัดเชียงราย วันนั้นไม่ได้เข้าไปในวัดเพราะเห็นว่าวัดยังไม่สมบูรณ์พร้อม หมายความว่าอยู่ในช่วงบูรณปฏิสังขรณ์ ก็เลยได้แต่มองพระพุทธรูปทรงเครื่ององค์ใหญ่ประดิษฐานโดดเด่นอยู่ริมถนน
ส่วนวันนี้มีโอกาสเข้ามาสำรวจอย่างใกล้ชิดจึงรู้ว่าภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจหลายสิ่งอย่าง ทั้งหมดเป็นงานพุทธศิลป์ เป็นงานศิลปกรรศาสนา เริ่มจากโบสถ์ เจดีย์ ปฏิมากรรม หุ่นขี้ผึ้ง จิตรกรรมฝาผนัง หากให้พูดถึงภาพรวมต้องบอกว่าวัดเชียงรายเป็นวัดที่สวยงามด้วยฝีมือเชิงช่าง โบสถ์สีขาวงดงามตระการตา จิตรกรรมฝาผนังเป็นงานไทยในมิติใหม่ ถามว่าน่าไปเที่ยวไหม ตอบว่าไปเหอะ วัดเชียงรายไปง่ายมาง่าย อยู่กลางเมือง เป็นวัดที่งดงามตามเส้นทางพุทธศาสนา







“ธนบดีเซรามิก”


ทำไมต้องเลือกไปที่นี่ในเมื่อเมืองลำปางมีโรงงานเซรามิกมากมายหลายสิบแห่ง? นี่คือคำถามจากเพื่อนร่วทาง ก็เลยต้องบอกว่าธนบดีเป็นเจ้าแห่งชามตราไก่ ชามที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองไทย ชามที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 คนส่วนใหญ่รู้จักชามตราไก่กันดี แต่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างไร ถ้ามาที่นี่จะมีประวัติ มีเตาเผาเก่าแก่ และมีคำตอบเกี่ยวกับเซรามิกเมืองลำปาง ถ้าอยากชมเตาเก่าเขาเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ (รอบเช้าและรอบบ่าย) ปัจจุบันทางธนบดียังเพิ่มเสริมด้วยการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทำ workshop เรียนรู้และเขียนลายลงบนเซรามิกที่เราเลือก จากนั้นเขาจะเก็บไปเผาแล้วส่งให้เราในภายหลัง วันที่เราไปถึงก็เป็นแบบนั้น แต่เสียดายไปช้าก็เลยไม่ได้เข้าชมเตาเผาเก่าแก่ ได้แต่ชมผลิตภัณฑ์อยู่ด้านนอก (ไม่ทันรอบเช้า)





สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบงานเซรามิก ลองไปชมนะครับ ตอนนี้ธนบดีมีทั้งงานเก่าเก็บ งานเก่าประยุกต์ และงานใหม่ที่ผมเรียกว่า “ร่วมสมัย” ไปแล้วไม่ซื้อก็ได้ไม่มีใครว่าอะไร แค่ชื่นชมก็สุขใจมากพอ ส่วนใครจะหยิบจับเอากลับมาเป็นของฝากก็แล้วแต่ใจครับ
“วัดพระธาตุลำปางหลวง”

วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นวัดขนาดใหญ่มีมาแต่ยุคใดไม่ปรากฏแน่ชัด สันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี บ้างว่าวัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 20 เอาเป็นว่าเรื่องประวัติวัดผมไม่ลงลึก แต่เน้นสิ่งที่จับต้องได้ สิ่งที่มากค่าควรชม ควรกราบไหว้บูชา

ภายในวัดมีสิ่งที่ประชาชนคนทั่วไปนิยมไปกราบสักการะบูชาคือ พระเจ้าล้านทอง, องค์พระธาตุเจดีย์, พระเจ้าองค์หลวง, พระแก้วมรกต, พระนาคปรก, หลวงพ่อทันใจ และไปชมภาพองค์พระธาตุเจดีย์กลับด้านภายในหอพระพุทธบาท นอกจากนั้นยังมีต้นศรีมหาโพธิอายุกว่า 500 กว่าปีซึ่งนำต้นพันธุ์มาจากประเทศศรีลังกา





การเวียนเทียนอาจก่อเกิดคำถามจากใครบางคน เช่น นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสอบถามว่าการเวียนเทียนน่าจะมีเฉพาะในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ทำไมมาวันนี้ถึงมีการเวียนเทียน อันนี้เกินความสามารถที่จะตอบ คงต้องรอผู้รู้ซึ้งเรื่องศาสนามาตอบครับ


พระแก้วต้องอยู่ในกรงเหล็กแน่นหนา เหตุเพราะโจรขโมยเยอะเหลือเกิน


ส่วนที่อยากบอกและขาดไม่ได้ถ้าไปวัดพระธาตุลำปางหลวง คือค่อยๆ มอง ค่อยๆ ชม ค่อยๆ ดม ค่อยๆ ดื่ม งานพุทธศิลป์ที่ปรากฏในวัดแห่งนี้ไม่ธรรมดา งดงามวิจิตรตระการตาด้วยฝีมือเชิงช่าง งามทั้งงานสถาปัตยกรรม งานปฏิมากรรม งานจิตรกรรม รวมถึงงานแกะสลักอันเป็นเอกลักษณ์ของสกุลช่างล้านนา งานเหล่านี้เริ่มตั้งแต่บันไดทางเข้าวัดกันเลย ส่วนผู้ที่ตั้งใจมาทำบุญนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง บุญทำไปเถอะครับ ถ้าไม่เดือดร้อนเราหรือใครก็ทำไป ทำแล้วสบายใจถือเป็นใบบุญในขั้นต้นแล้วครับ (กระซิบเบาๆ ว่านี่เป็นอีกวัดหนึ่งซึ่งผมชอบ มาหลายสิบครั้งแล้ว)
“กาดกองต้า”
ถนนคนเดินกาดกองต้าทอดตัวขนานไปกับแม่น้ำวัง มีความยาวประมาณ 800 เมตร สองฝั่งถนนมีอาคารแบบยุโรปเรียงรายอยู่เป็นระยะ สลับกับอาคารไม้สองชั้นแบบอาคารพาณิชย์ในยุคเก่าก่อน อาคารที่พบเห็นส่วนหนึ่งเป็นแบบบริติสสไตล์ ไม่ใช่ชิโนโปรตุกีสแบบภูเก็ต (บางหลังมีผสมผสานบ้าง) เหตุที่พบอาคารยุโรปบนถนนสายนี้เพราะในอดีตถนนสายนี้เป็นถนนการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสายหนึ่งของภาคเหนือ มีบริษัทค้าไม้จากพม่า อินเดีย อังกฤษ มีคนหลายชาติหลายภาษาหลอมรวมอยู่บนถนนสายนี้ สำหรับอาคารหลังหนึ่งซึ่งคงความงามไว้ได้ถึงทุกวันนี้คืออาคารหม่องโง่ยซิ่น














“อาคารหม่องโง่ยซิ่น” สร้างขึ้นประมาณปี 2451 เป็นเรือนขนมปังขิงหลังคาทรงมะนิลา ลักษณะครึ่งปูนครึ่งไม้ มีลวดลายฉลุไม้พลิ้วไหวแบบลายพันธุ์พฤกษาทั้งหลัง แสดงถึงฝีมือเชิงช่างที่ประกอบกันทั้งสถาปัตยกรรมและงานศิลปกรรม
ส่วนถนนคนเดินมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 16.00-22.00 น. เมื่อก่อนมักไปเดินกันในช่วงค่ำๆ แต่เดี๋ยวนี้เขานิยมเดินกันตั้งแต่ช่วงเย็น ผลิตภัณฑ์ที่นำมาขายมีหลากหลายแบบครบรส ทั้งรองเท้า เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน แต่ที่เห็นว่ามีมากกว่าสินค้าอื่นๆ น่าจะเป็นอาหาร อาหารบนถนนคนเดินกาดกองต้ามีความหลากหลาย เริ่มจากอาหารถิ่น อาหารต่างถิ่น อาหารต่างประเทศ ผักผลไม้ ขนม ลองไปเดินแล้วจะรู้ว่ามันน่าโดนไปหมด (อยากบอกว่าใครบางคนที่ไปด้วยกันถึงกับเดินท้องโย้)
สุดท้ายปลายทริปบนถนนคนเดินมีฝนตกลงมาทำให้เราติดอยู่ที่ร้านเครื่องดื่มทางต้นถนนฝั่งแม่น้ำวัง ก็เลยนั่งดื่มกันยาวๆ เฝ้ามองสายฝนหล่วงหล่นบนแม่น้ำ โปรยปรายกระทบถนนสายสำคัญ แม้แฉะชื้นแต่กลายเป็นภาพงามซึ่งมันกลายเป็นมนต์เมืองที่ตรึงตราใจ คงไม่ง่ายหากคิดลืมเลือน
ทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงบรรทัดนี้คือเรื่องราวส่วนหนึ่งในเขตเมืองลำปาง เมืองเก่าแก่บนแผ่นดินล้านนา เมืองงามที่น่าไปท่องเที่ยวมากที่สุดเมืองหนึ่ง ลำปางเป็นเมืองที่ครบเครื่องเรื่องเที่ยว มีรากทางวัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ธรรมชาติ หากยังคิดไม่ออกว่าหนาวนี้จะไปเที่ยวไหนขอฝากลำปางไว้ให้พิจารณาครับ
ขอบคุณเพื่อนเก่าจากโคราช ขอบคุณเพื่อนใหม่จากลำปาง ขอบคุณที่ได้เดินทางร่วมกัน ที่สำคัญขอบคุณเมืองลำปางที่ยังคงความเป็นลำปางได้ดีเยี่ยม ไม่หลงใหลไปกับโลกใบใหม่แต่ก็ไม่ล้าสมัยสุดกู่ เป็นลำปางแบบร่วมสมัยที่เก็บความดิบเดิมไว้ได้ดี ส่วนธรรมชาติที่รายล้อมเมืองนั้นไม่ต้องพูดถึงยังคงความงามตามธรรมชาติไว้ได้ดีเยี่ยม ขอบคุณวัด ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณคน ขอบคุณที่ได้มาแอ่วครับ
ขอบคุณและขอบใจเพื่อนพี่น้องที่ติดตาม khobjaithailand มาโดยตลอด แล้วพบกันใหม่ สวัสดีมีชัย เดินทางปลอดภัยครับ
(อย่าลืมอ่านคำบรรยายภาพเพิ่มเติมนะครับ)
หมายเหตุ
– เดือนหน้า ราวๆ ต้นเดือน คาดว่าจะพาตัวเองไปนอนอาบหนาวดูดาวเดือนที่เมืองปาย โปรดติดตามครับ