โลกนอกหน้าต่าง ลำปางบนทางจำ
(ตอนแรก)
ยิ่งเดิน ยิ่งเห็น
ยิ่งซ่อนเร้น ยิ่งตามหา
ต่างทรงค่าต่างมีคุณ
รถไฟดีเซลลางขบวน 7 แล่นออกจากสถานีชุมทางบางซื่อ กรุงเทพฯ เวลา 9.15 น. แล่นผ่านจังหวัดอยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ (เขตแพร่) ถึงสถานีนครลำปางประมาณ 17.45 น. เป็นการเดินทางด้วยรถไฟสู่แผ่นดินล้านนาในช่วงกลางวันเป็นครั้งแรก โดยปกติเคยเดินทางไปกับรถไฟตู้นอนในช่วงกลางคืน ไม่เห็นอะไรนอกจากวิถีในตู้โดยสาร คราวนี้รู้สึกดี แม้จะเป็นการโดยสารแบบนั่ง (ปรับอากาศ) แต่แปลกดี คือได้เห็นทิวทัศน์สองข้างทาง ได้พบภาพที่ไม่เคยพบ ได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็น เช่น ช่วงรถไฟแล่นเลียบแก่งหลวง อ.ลอง จ.แพร่ นั้นถือว่าเป็นช่วงที่สวยงามสร้างความประทับใจได้มากทีเดียว (เสียดายกระจกรถไฟหม่นมัวไปหน่อยไม่งั้นคงได้เก็บภาพสวยๆ มาอวดกันมากกว่านี้)



ผมไปถึงเมืองลำปางช่วงเย็นเกือบค่ำจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าถ่ายภาพสถานีรถไฟนครลำปางแล้วไปกินข้าวริมแม่น้ำวังตรงตีนสะพานรัษฎาภิเศก (Wooden House cafe’)นั่งพูดคุยกับคนแปลกหน้าที่ถูกชักพาจากเพื่อนแกงค์โคราชให้มาพบเจอกัน คนโคราชเป็นเพื่อนที่คุ้นเคย ส่วนคนแปลกหน้าเป็นคนลำปางไม่เคยพบกันมาก่อน การสนทนาต้องค่อยๆ แลกเปลี่ยนและซึมซับ สุดท้ายฟันธงว่าเป็นคนทางเดียวกัน ถูกอกถูกใจกัน กลายเป็นมิตรใหม่ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ วันพรุ่งนี้ครอบครัวคนโคราชกับครอบครัวคนลำปางจะออกเดินทางด้วยกัน แหล่งท่องเที่ยวที่นัดแนะกันไว้คือ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” และนี่คือเรื่องราวในค่ำคืนหนึ่งริมแม่น้ำวัง จ.ลำปาง ครับ

เช้าวันใหม่ ตื่นขึ้นมาพบอากาศเย็นสบายปลายฝน กินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วออกเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ นั่นคืออุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อุทยานงามง่ายที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 75 กิโลเมตร เป็น 75 กิโลเมตรที่แสนเพลิดเพลินเพราะตลอดเส้นทางมีท้องนาสลับกับขุนเขาสวยงามมาก ส่วนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเป็นอุทยานฯ ที่สะอาด มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คนทั่วไปรู้จักแจ้ซ้อนในนามบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุซึ่งดีต่อสุขภาพ นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งนิยมไปอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน อีกส่วนหนึ่งนำไข่ไปต้มในลานน้ำแร่เพื่อบริโภค ส่วนนักท่องเที่ยวที่นิยมการเดินป่าจะเลือกเดินเลียบลำธารไปสัมผัสน้ำตกซึ่งมีทั้งหมด 6 ชั้น แต่ละชั้นมีความงดงามแตกต่างกันไป แต่น้ำตกชั้นแรกเป็นชั้นยอดนิยมที่สุด คนทั่วไปสามารถเดินเข้าไปชมได้โดยง่าย เดินใกล้ เดินได้ทั้งผู้สูงวัยและเด็ก ส่วนน้ำตกชั้นอื่นๆ ต้องเดินไต่ความสูงชันขึ้นไปตามบันไดครับ

ผมชอบแจ้ซ้อนตรงที่มีธารน้ำใสรินไหลจากน้ำตกมาสู่ลานน้ำร้อน มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ให้ความร่มรื่นเหมาะกับการผักผ่อนหย่อนใจ ที่สำคัญอุทยานฯ แจ้ซ้อนไปง่ายมาง่ายไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใครจะพักค้างก็ได้ บ้านพักของอุทยานฯ แจ้ซ้อน หลังใหญ่ สะอาด สะดวกสบาย เป็นบ้านพักของอุทยานฯ ที่มีดีไซน์โดดเด่น ออกแบบให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างนวลเนียน
สิ่งสำคัญที่ต้องพูดถึงอีกอย่างหนึ่งคือบริเวณลานน้ำแร่บ่อน้ำร้อนไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อมนุษย์เพียงฝ่ายเดียว หากสังเกตดีๆ จะพบว่ามีสัตว์ปีกหลายชนิดเข้ามาใช้บริการด้วย ที่พบเห็นมีผึ้ง ผีเสื้อถุงทอง นกเด้าลมหลังเทา และแมลงปอ (วงศ์แมลงปอบ้าน) ก็เข้ามาดื่มกินแร่ธาตุด้วยเช่นกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าลานน้ำแร่แจ้ซ้อนมีคุณประโยชน์จริงๆ












นี่คือการเดินทางไปแอ่วเมืองลำปางในตอนแรก ส่วนตอนจบจะพาไปพบงานพุทธศิลป์ในวัดวาอาราม รวมถึงโรงงานเซรามิกเก่าแก่ และถนนคนเดินของเมืองลำปาง สำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งการเดินทางในวันแรกและวันนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อการเสพสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง ได้เพิ่มภูมิปัญญาให้สมองก้อนเล็ก กระทั่งก่อเกิดเป็นความสุขที่จับต้องได้ ขอบคุณเพื่อนจากโคราชและเพื่อนจากลำปางที่พาผมมาพบความงามทางธรรมชาติ ขอบคุณครับ
ส่วนเพื่อนๆ ในโลกของ khobjaithailand ขอขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอด ไม่เคยทอดทิ้งกัน โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในคำบรรยายครับ)
หมายเหตุ
– อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเป็นอุทยานฯ กว้างใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.วังเหนือ อ.แจ้ห่ม อ.เมืองปาน และอ.เมือง มีเนื้อที่ประมาณ 110,000 ไร่ หรือ 176 ตารางกิโลเมตร
อ้างอิง
– วิกิพีเดีย